ติดแอร์ในบ้านต้องติดแบบไหนให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

attractive and smiling woman switching on air conditioner with remote controller

หน้าร้อนบ้านเราแค่อากาศข้างนอกก็ร้อนมากอยู่แล้ว เราก็หวังแอร์ในบ้านจะช่วยปลอบประโลมร่างกายให้คลายร้อนเสียหน่อย แต่ถ้าหากเราติดแอร์ผิดวิธี หรือช่างติดแอร์แบบส่งๆ นอกจากบ้านจะไม่เย็นแล้ว ยังจะเปลืองไฟอีกด้วย

การติดตั้งแอร์ในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแค่ช่วยให้ความเย็นทั่วถึง แต่ยังช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศด้วย และต่อไปนี้คือขั้นตอนและเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณติดแอร์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

7 วิธีติดตั้งแอร์ให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

1. เลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง

BTU (British Thermal Unit) เป็นหน่วยที่ใช้บอกปริมาณความเย็นของแอร์ โดยที่ความร้อน 1 BTU คือปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์มีอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 องศาฟาเรนไฮต์ แอร์นั้นจะวัดกำลังความเย็นหรือความสามารถในการดึงความร้อน (ถ่ายเทความร้อน) ออกจากห้องปรับอากาศในหน่วยบีทียู (BTU) เช่นแอร์ขนาด 14,000 บีทียูต่อชั่วโมง หมายความว่าแอร์เครื่องนั้นมีความสามารถในการดึงความร้อนออกจาก ห้องปรับอากาศ 14,000 บีทียูภายในเวลา 1 ชั่วโมง

เพื่อให้สามารถเลือกขนาดแอร์ (BTU) ได้อย่างแม่นยำตามขนาดห้องและประเภทห้องต่าง ๆ เรามีตาราง BTU ต่อขนาดห้องแยกตามประเภทห้องและปัจจัยการโดนแสงแดด ดังนี้:

ขนาดแอร์ (BTU)ห้องทำงาน (โดนแดด)ห้องทำงาน (ไม่โดนแดด)ห้องนอน (โดนแดด)ห้องนอน (ไม่โดนแดด)ห้องนั่งเล่น (โดนแดด)ห้องนั่งเล่น (ไม่โดนแดด)
9,000 BTU9-12 ตร.ม.12-15 ตร.ม.9-12 ตร.ม.12-15 ตร.ม.8-10 ตร.ม.10-12 ตร.ม.
12,000 BTU13-18 ตร.ม.18-20 ตร.ม.13-18 ตร.ม.18-20 ตร.ม.10-14 ตร.ม.14-18 ตร.ม.
18,000 BTU20-25 ตร.ม.25-30 ตร.ม.20-25 ตร.ม.25-30 ตร.ม.18-22 ตร.ม.22-25 ตร.ม.
24,000 BTU25-32 ตร.ม.30-35 ตร.ม.25-32 ตร.ม.30-35 ตร.ม.22-28 ตร.ม.28-32 ตร.ม.
30,000 BTU30-40 ตร.ม.35-45 ตร.ม.30-40 ตร.ม.35-45 ตร.ม.28-35 ตร.ม.35-40 ตร.ม.
36,000 BTU40-50 ตร.ม.45-55 ตร.ม.40-50 ตร.ม.45-55 ตร.ม.35-45 ตร.ม.40-50 ตร.ม.
ตาราง BTU ต่อขนาดห้องแยกตามประเภทห้องและปัจจัยการโดนแสงแดด

หมายเหตุ:

  • ห้องที่โดนแดด: ห้องที่มีแสงแดดส่องเข้าถึงโดยตรงในช่วงกลางวัน จำเป็นต้องใช้ BTU ที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยความร้อน
  • ห้องที่ไม่โดนแดด: ห้องที่ไม่มีแสงแดดส่องเข้าถึง หรือมีการป้องกันความร้อนดี เช่น ติดฟิล์มกันความร้อน
  • ห้องทำงาน: มักจะใช้เวลานานในการเปิดแอร์ จึงต้องการความเย็นที่สม่ำเสมอ
  • ห้องนอน: ต้องการความเย็นที่พอเหมาะเพื่อการพักผ่อน แต่ไม่ต้องใช้ BTU สูงเกินไป
  • ห้องนั่งเล่น: พื้นที่กว้างกว่า อาจมีคนเข้าออกบ่อย จึงต้องใช้ BTU ที่มากขึ้น

การเลือก BTU ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้แอร์ทำงานหนักเกินไป หรือไม่เพียงพอต่อการทำความเย็นในห้องขนาดใหญ่ ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นและลดอายุการใช้งานของแอร์

2. วางแอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสม

ตำแหน่งของแอร์มีผลต่อการกระจายความเย็นทั่วถึงภายในห้อง ควรติดตั้งแอร์บนผนังที่มีพื้นที่ว่างเพียงพอ ไม่มีสิ่งกีดขวาง และไม่ควรติดตั้งใกล้หน้าต่างเพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง ซึ่งอาจทำให้เครื่องทำงานหนักและสูญเสียประสิทธิภาพ

3. ติดตั้งคอยล์เย็นในระดับสูง

การติดตั้งคอยล์เย็น (Indoor Unit) ในระดับสูงที่ห่างจากพื้นประมาณ 2.5-3 เมตร จะช่วยให้ลมเย็นกระจายทั่วห้องและไม่รบกวนการใช้งานในชีวิตประจำวัน การติดตั้งสูงเกินไปหรือต่ำเกินไปอาจทำให้แอร์ไม่สามารถทำความเย็นได้ทั่วถึงและอาจสิ้นเปลืองพลังงาน

4. หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอร์ในห้องที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรง

หากมีความจำเป็นต้องติดตั้งแอร์ในห้องที่มีแสงแดดส่องเข้าถึง ควรหาผ้าม่านกันความร้อนหรือฟิล์มกันร้อนมาติดเพื่อช่วยลดความร้อนจากภายนอก การใช้ฉนวนกันความร้อนที่ผนังหรือเพดานจะช่วยรักษาความเย็นภายในห้องและลดการทำงานของแอร์

5. ติดตั้งคอยล์ร้อนในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก

คอยล์ร้อน (Outdoor Unit) ควรติดตั้งในตำแหน่งที่ระบายความร้อนได้ดี เช่น ที่โล่ง มีอากาศถ่ายเทสะดวกและอยู่ในร่ม เพื่อให้ระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ควรติดในที่ที่อับ หรือใกล้บริเวณที่มีฝุ่นและควันมาก เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเครื่อง

6. ติดตั้งแอร์แบบ Inverter เพื่อการประหยัดพลังงาน

แอร์แบบ Inverter คือเครื่องปรับอากาศที่ใช้เทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ในการปรับความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์อัตโนมัติตามอุณหภูมิห้อง ช่วยให้แอร์ทำงานคงที่ ลดการใช้พลังงาน ประหยัดไฟฟ้า และรักษาอุณหภูมิให้คงที่มากกว่าแอร์ทั่วไป

แม้ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นจะสูงกว่า แต่ในระยะยาวจะช่วยลดค่าไฟฟ้าได้มาก

7. ควรดูแลและบำรุงรักษาแอร์อย่างสม่ำเสมอ

การทำความสะอาดคอยล์เย็นและคอยล์ร้อนทุกๆ 6 เดือน จะช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกสะสมที่อาจทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น นอกจากนี้ยังควรเช็คระบบการทำงานของแอร์ เช่น น้ำยาทำความเย็นเพื่อให้มั่นใจว่าแอร์ยังทำงานได้ดีอยู่

สรุป

การติดแอร์ในบ้านให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด จำเป็นต้องคำนึงถึงการเลือกขนาด BTU ที่เหมาะสม การวางตำแหน่งแอร์ และการดูแลรักษาเครื่องอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการใช้พลังงานและเพิ่มความเย็นที่ทั่วถึง เมื่อคำนึงถึงปัจจัยทั้งหมดนี้ คุณจะได้แอร์ที่ทำงานมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *